มันสำปะหลังจัดเป็นพืชหัวชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Manihot esculenta (L.) Crantz มีชื่อสามัญหลายชื่อตามภาษาต่าง ๆ ที่ได้ยินกันมากได้แก่ Cassava, Tapioca สำหรับในประเทศไทยก็มีการเรียกชื่อแตกต่างกันไปตามภูมิภาคต่างๆ เช่นกัน โดยในภาคเหนือเรียก ต้าวน้อย ภาคกลางเรียก มันสำโรง หรือสำปะหลัง และภาคใต้เรียก มันต้น หรือ มันไม้ เป็นต้น
แหล่งกำเนิดของมันสำปะหลัง เดิมอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ต่อมาได้แพร่กระจายไปยังทวีปต่างๆ รวมถึงในประเทศไทยก็ได้มีการนำเข้ามาปลูกนานกว่า 200 ปีแล้ว โดยได้มีการปลูกในเชิงพาณิชย์มากว่า 70 ปี และเนื่องจากเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน สามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่ ที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ สามารถปลูกกระจายได้ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังสูงสุดในประเทศ
คาดการณ์การใช้มันสำปะหลังในอุตสาหกรรมอาหารและเอทานอล
ปริมาณหัวมันสด 20 ล้านตัน/ปี
(ที่มา: ดัดแปลงข้อมูลจากหน่วยปฏิบัติการเทคโนโลยีแปรรูปมันสำปะหลัง)
มัน สำปะหลังสามารถทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายอย่างทั้งเพื่อการบริโภคภายในประเทศ และส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น มันสำปะหลังเส้น (Cassava chips หรือ Shredded) มันสำปะหลังอัดเม็ด (Cassava pellets) และแป้งมันสำปะหลัง (Cassava flour) นอกจากนี้แล้วปัจจุบันยังเป็นที่นิยมในการนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทา นอลเพื่อผสมในน้ำมันแก๊สโซฮอล์อีกด้วย
กากน้ำตาล (MOLASSES)
กากน้ำตาล เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลจากอ้อย ที่ไม่สามารถจะสกัดเอาน้ำตาลออกมาได้อีกโดยวิธีปกติ มีลักษณะเหนียวข้น สีน้ำตาลแก่ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง โดยปัจจุบันทั้งในและต่างประเทศ ได้มีการนำกากน้ำตาลไปใช้เป็นวัตถุดิบในภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องหลายๆ ประเภท ได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตสุราและแอลกอฮอล์ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ปุ๋ยชีวภาพ ผลิตผงชูรส และน้ำส้มสายชู เป็นต้น
นอกจากนี้ในหลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทยยังได้นำกากน้ำตาลไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอลเพื่อ เป็นส่วนผสมในแก๊สโซฮอล์ ปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นผู้ส่งออกกากน้ำตาลรายใหญ่ของโลก เนื่องจากมีการเพาะปลูกอ้อยและทำการผลิตน้ำตาลส่งออกสูงเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากบราซิล และออสเตรเลีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น